วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เกลือทำให้สวยได้อย่างไรกัน

1. ลดรอยช้ำรอบดวงตา
ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อนครึ่งถ้วย จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือมาปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆจางลง

2. หน้ามันน้อยลง
ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน ต่อจากนั้นใส่น้ำลงในขวดสเปรย์ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา เขย่า ให้เกลือละลายแล้วฉีดเกลือใส่หน้าให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง

3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว
ผสมเกลือ 1/2 ถ้วยลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวซ้ำ เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น

4. ขัดผิวให้สวยใส
โดยใช้เกลือผงถูตัวแล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวใ ห้ทั่วช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย

5. ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า
ผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น นั่งแช่เท้าประมาณ 30 นาที วิธีนี้เหมาะกับคนที่เดินนาน ๆ รวมทั้งสาว ๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดวัน

รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำเกลือมาทำตามวิธีที่แนะนำกันดูได้

ขอบคุณ...น้ำใสดอดคอม...

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 ความลับของวัยรุ่นชาย (มาแอบรู้กัน)

10 ความลับเรื่องเรียนของวัยรุ่นชาย 

1. ผู้ชายโตไวกว่าผู้หญิงโดยธรรมชาติ และก้อนสมองการเรียนรู้ของผู้หญิงใหญ่กว่าผู้ชาย 

2. อ๊ะๆอย่าเพิ่งดีใจ เพราะธรรมชาติสร้างควาทะเยอทะยานให้ผู้ชายมีมากก่าผู้หญิง ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ผู้ชายทุ่มเทฝนการเรียนรู้ ทำได้ดีก่าผู้หญิง 

3. ทักษะการใช้ภาษาวัยรุ่นชายแพ้ผู้หญิงกระจุยกระจาย 

4. ส่วนเรื่องงานช่างทุกประเภท ผู้หญิงไม่มีวันทำสู้ผู้ชายได้ 

5. ผู้ชายจะเรียนอะไรได้ดีแบบสุดๆก้อด้วยใจรักมากกว่าความรับผิดชอบ 

6.วัยรุ่นชาย 95% ล้วนเคยลอกการบ้าน 

7.วัยรุ่นชาย 80% ขึ้นไป สารภาพว่าเคยทุจริตในการสอบ

8.อาชีพในฝันมากที่สุดของผู้ชายวัยอนุบาลถึงประถม คือตำรวจและทหาร 

9.สาเหตุที่ผู้ชายไม่อยากเรียน ร.ด. เพราะกลัวถูดตัดผมสั้นมากกว่าการฝึกหนัก 

10.วัยรุ่นชายถึง 4 ใน 10 เคยโดดเรียนโดยครูและผู้ปกครองไม่เคยจับได้ซักครั้งเดียว 


10 ความลับเรื่องเพื่อนของวัยรุ่นชาย 

1. วัยรุ่นชายมัธยม แสดงความซี้ปึ้กและไว้วางใจกัน ด้วยการแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน(

2. กิจกรรมที่วัยรุ่นชายมัธยม ชอบชวนเพื่อนร่วมทำกันมากที่สุดคือ เข้าไปถ่ายน้ำมันเครื่องในห้องน้ำ 

3. ศัตรูที่วัยรุ่นชายมองว่าเป็นตัวบ่อนทำลายสัมพันธภาพของเพื่อนร่วมแก๊งค์คือ ผู้หญิง 

4. และเรื่องที่ทำให้วัยรุ่นชายขัดแย้งและแตกคอกันง่าายที่สุด ก็คือ ผู้หญิง 

5. เพื่อนที่ได้รับการสถาปนาให้เปงหัวหน้าแก๊งค์น้อยรายจะเป็นคนฉลาด 

6. วัยรุ่นชายตั้งแต่มัธยมปลายถึงมหา'ลัยอยากใช้ชีวิตทุกๆวันกะเพื่อนมากกว่าครอบครัว อย่างอิสระไร้กฏเกณฑ์ 

7. วัยรุ่นชายมีเถียงกับพ่อแม่ผู้ปกกครองเรื่องการคบเพื่อนมากกว่าเรื่องแฟน 

8. วัยรุ่นชายเลือกเรียนตามก้นเพื่อนมากก่าความเหมาะสมของตัวเอง 

9. จากสถิติวัยรุ่นชายปกป้องและเจ็บตัวเพื่อเพื่อนมากก่าเพื่อแฟน 

10. เพื่อนคือคนที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นชายเปงอันดับ 1 แน่นอนว่ามากกว่าแฟนจนผู้หญิง


เพลงที่ให้กำลังใจสำหรับคนที่รู้สึกว่าขีวิตนี้มันแย่...แต่มันไม่ได้แย่อย่างที่คิด

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กระโถนนางสีดา


กระโถนนางสีดา หรือ กระโถนสีดา

ดอกบาน ดูคล้าย ๆ กับกระโถนฤาษีค่ะ ความแตกต่างก็ดูกันที่ดอกนี่แหละค่ะ กระโถนนางสีดา จะมีสีชมพูล้วน หรือสีกุหลาบ 

และแหล่งที่พบส่วนใหญ่จะอยู่ตามป่าดิบเขาทางภาคตะวันตกและตะวันออก แต่กระโถนฤาษีจะพบตามป่าดิบเขาทางภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นค่ะ

ดอกมีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8-13 ซม. มี 10 กลีบ เมื่อบานกลีบรวมแผ่ออกค่อนข้างมากปลายโค้งแอ่นออกเล็กน้อย มีสีเลือดหมูหรือแดงอมชมพู มีกระสีขาวกระจายแน่นตรงโคนกลีบ มีกระบังเป็นวงอยู่ตรงกลางนูนขึ้นเล็กน้อย มีสีขาว มีช่องเปิดตรงกลาง ปลายฐานแคปซูลบานออกเป็นรูปถ้วย มีขนสั้นนุ่มสีแดง ภายในท่อกลีบรวมมีสันนูนสีขาวจำนวน 16 สัน เรียงตามรัศมี ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 
พบในประเทศจีน, ประเทศกัมพูชา และประเทศไทย


ขอบคุณป้าแก้วค่ะ



ช่วยด้วย "เครียด" แล้วนะ

แนะวิธีการแก้เมื่อเกิดอารมณ์เครียด   

     1. พยายามเตือนตนเอง
     พิจารณาเหตุผลที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ  แล้วเลิกคิดเสีย  เพื่อจะได้ตัดทอนอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ   มีสติที่จะมองเหตุการณ์ได้ถูกต้องตรงความเป็นจริง  และหาวิธีแก้ปัญหาของตนได้ดีขึ้น
     2. ในชีวิตประจำวันต้องเป็นคนดำเนินชีวิตอยู่เพื่อความดี
     คนที่มีอุดมคติว่า   เงิน  ชื่อเสียง  อำนาจ  และความสุขสำราญ   สำคัญเหนือสิ่งทั้งหมด  คนพวกนี้จะตกเป็นทาสอารมณ์ได้ง่ายที่สุด  แต่ถ้าผู้ใดยึดหลักพุทธศาสนา  3  ประการ  คือ  ทำความดี  ละความชั่ว  และทำใจให้บริสุทธิ์  ชีวิตของผู้นั้นจะสะอาด  หมดจด  : จิตใจสบายขึ้น
     3. การมองคนในแง่ดีเสมอ
     ไม่เอาความชั่วมาลบล้างความดีที่เขามีอยู่
     4. ก่อนที่จะทำอะไรลงไป  ต้องนึกถึงเหตุผลทุกครั้ง
     อย่าทำอะไรเอาแต่ใจตน  หรือทำแต่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว  หัดเป็นคนรู้จักฟังความคิดของคนอื่นบ้าง  เป็นคนใจกว้าง   หรืออดทนต่อข้อขัดแย้งต่าง ๆ ได้
     5. จงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความยืดหยุ่น
     หมายความว่า  รู้จักปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ให้คิดว่าทางเดินที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางนั้นมีได้หลายทาง  จงอย่าคิดที่จะเดินทางเดียวโดยเด็ดขาดควรจะขยับขยายได้บ้าง
     6. พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดความไม่สบอารมณ์  
     และอย่าทำตนเป็นยอดมนุษย์ที่จะแสวงหาความสุขสมบูรณ์พร้อม  เพราะไม่มีใครเก่งพร้อมทุกอย่าง
     7. พยายามระงับความโกรธ
     ความโมโหฉุนเฉียวลงด้วยเวลาอันรวดเร็วที่สุด  เพราะความโกรธนั้นหากมีอยู่ในบุคคลใดและเวลาใดแล้ว  จะทำให้บุคคลนั้นมีแต่ความคิดที่มืดมน  หาทางออกที่ไม่ดี  อันจะทำให้รู้สึกเสียใจในภาคหลังได้
     อย่าลืมว่าความเครียด  ความไม่สบายใจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทางใจ  จะแก้ได้ก็ด้วยใจเท่านั้น  ดังนั้นขอให้ใช้กำลังใจหรืออำนาจใจแก้ปัญหาใจของตนเอง  จึงจะมีผลโดยตรงต่อสุขภาพกายทำให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี  มีอายุยืน  มีความเจริญรุ่งเรือง  อันเป็นยอดปรารถนาของทุกคน

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รองเท้าคู่แรกที่ฉันได้รับ วันเกิดของฉันวันเจ็บของแม่

ฉันจำไม่ได้แล้ว่ารองเท้าที่แม่ซื้อให้คู่แรกเป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ รู้แต่ว่าแม่ที่ซื้อรองเท้าให้ลูกในวันนั้นมีชีวิตอย่างไรในวันนี้ วันที่ลูกเติบใหญ่ท่ามกล่างจังหวะชีวิตที่วุ่นวาย

เมื่อเวลาผ่านไปมีบางครั้งทำให้ฉันใช้เท้าทั้งสองข้างที่แม่เคยจูบก้าวฝ่าความรู้สึกของพ่อแม่ด้วยการเหยียบย่ำน้ำของใจขอบท่าน ฉันเริ่มเกเร เริ่มไม่เชื่อฟัง เริ่มเป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่พ่อแม่พร่ำสอนก็ไม่อยากจำ

ในที่สุดเชือกรองเท้าทั้งสองข้างที่พ่อแม่ผูกให้ เริ่มหลุดลุ่ยขาดวิ่น ความรู้สึกอิสระในโลกใบใหม่ทำให้เจตนาดีของท่านเริ่มเป็นเรื่องที่เลวร้ายน่าเบื่อ จนเมื่อภาพมายาคลี่คลายเส้นทางที่เคยเลือกเดินและคิดว่าเจ๋งแล้วนั้นกลับตื้นตัน ข้างหน้ากลับกลายเป็นกำแพงหินที่ไม่อาจข้าม

เวลาผ่านไปฉันจึงได้ตระหนักถึงคำพูดเก่าๆ ของพ่อแม่ เริ่มโหยหารองเท้าคู่เก่าที่พ่อแม่เคยซื้อให้ ประสบการณ์ต่างๆ สอนให้ฉันได้ตระหนักถึงสิ่งที่มีอยู่ หากฉันไม่รักษาสิ่งที่มีอยู่อย่างระมัดระวังแล้ว เมื่อเวลาผ่านพ้นไปฉันคงไม่เหลืออะไรให้รักษาอีกเลยในชีวิต

แม่ ขอบคุณ ที่ให้ลูกเกิดมาท่ามกลางความแปรปรวนของชีวิต

แม่ ขอบคุณ ที่ท่ามกลางความแปรปรวนของชีวิตทำให้ลูกรู้สึกถึงคุณค่าของคำว่า แม่

แม่ ขอบคุณ ที่คอยใช้เท้าทั้งสองข้าง ก้าวนำผ่านวันในอดีตและทำให้ลูกลุกยืนในวันนี้ได้อย่างสง่างาม

แม่ ขอบคุณ ที่คอยพร่ำสอนทุกสิ่ง ทุกอย่าง ลูกรู้ว่าแม่ต้องทนแค่ไหนกับความไม่ค่อยเอาไหนของลูก

แม่ ขอบคุณ ที่ทำให้ลูกสะกดคำว่า รัก และรู้จัก รัก เป็นครั้งแรกในชีวิต

แม่ ขอบคุณ ที่คอยเป็นกำแพงพักพิงยามลูกอ่อนล้า และท้อแท้ในบางครั้ง

แม่ ขอบคุณ ที่ ณ ขณะนี้ยังเรียกให้ลูกตื่น กินข้าว อาบน้ำ ไปทำงาน กลายเป็นงานประจำที่แม่ทำให้ลูก

แม่ ขอบคุณ ที่ ณ ขณะนี้ ยังทำอาหารกล่องให้ลูกมากินที่ทำงาน

แม่ ขอบคุณ หลายๆ เรื่องที่มิอาจกลั่นออกมาเป็นตัวอักษร เพราะน้ำตาไหลเลอะตัวอักษรที่เขียนไว้

บทความนี้เขียนขึ้นเนื่องจากวันที่แม่เจ็บที่สุดในชีวิต มิได้เขียนขึ้นเนื่องจากวันเกิดลูก

ป.ล. ลูกอยากรู้ว่าแม่ยังเจ็บอยู่ไหมตั้งแต่วันที่แม่เกิดลูกในวันที่ 13 ตุลาคม
       วันเกิดของลูกวันเจ็บของแม่

รักแม่ค่ะ
anda_da
13 ตุลาคม ท่ามกลางความเงียบของเวลา 0200 น.

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

3 วิธีไดเอทแบบล้างพิษ (ที่ต้องระวัง)

การไดเอทแบบล้างพิษมีคุณประโยชน์ (Woman's Story)


เมื่อร่างกายได้รับการล้างพาออกไปจะทำให้ระบบต่าง ในร่างกายทำงานดีขึ้น ซึ่งระบบเผาผลาญก็เช่นกัน ดังนั้นทำให้คุณผู้หญิงสามารถลดน้ำหนักได้เร็วกว่าเดิม
     
และนี่คือการไดเอทแบบล้างพิษ แต่ก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียที่สาว ควรทราบไว้ก่อนจะตัดสินใจทำ โดยมีด้วยกัน 3 วิธีดังต่อไปนี้


Cleanse Diet
          
คือการกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเมนูเดียวตลอดวัน เช่น ถ้ากินฟักทองต้มก็ต้องกินฟักทองทั้งวัน วันรุ่งขึ้นกินแกงจืดก็ต้องแกงจืดอย่างเดียว อีกวันกินแอปเปิ้ลก็ต้องแอปเปิ้ลทั้งวัน เป็นต้น 
           
ข้อดีของวิธีนี้คือ ผอมแน่  ต่อให้คุณเป็นคนผอมยากขนาดไหน ยังไง วิธีนี้ก็เอาอยู่ แต่ข้อเสียคือ ทำยาก และน้ำหนักที่หายไปก็ไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำและกล้ามเนื้อมากกว่า ถ้าไม่ออกกำลังกายร่วมด้วย ผิวพรรณจะเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด และถ้ากลับมากินอาหารตามปกติ น้ำหนักก็จะกลับมาใหม่
 
Row Food Diet
          
คือการกินแต่ของดิบ เท่านั้น เช่น ปลาดิบ ผักสด ผลไม้สด โดยอาจจะทำตารางรายการอาหารให้ตัวเองไปเลยว่า มื้อเช้ากินปลาดิบกับสลัดผลไม้ มื้อกลางวันกินสลัดผักจานโต พอมาถึงมื้อเย็นก็กินแต่ผลไม้รวมมิตร หรือถ้าเบื่อผักสดจะใช้วิธีนึ่ง ต้ม หรือตุ๋นก็ได้ แต่ต้องใช้ความร้อนไม่เกิน 100 องศา เพื่อรักษาคุณค่าอาหารของผักเอาไว้ 
           
ข้อดีคือ ได้เส้นใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มท้องนานใกล้เคียงกับการกินข้าว และทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี จึงช่วยขจัดไขมันออกไปได้มาก คนที่ทำวิธีนี้จะรู้สึกว่าผอมลงตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ลงมือทำ ส่วนข้อเสียคือ รสชาติของอาหารไม่หลากหลาย ทำให้เบื่อง่าย
 
Master Cleanse Diet
          
คือ ต้องไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำเปล่าบีบมะนาว น้ำแกงจืด น้ำผลไม้ และสารพัดน้ำอื่น ตามใจชอบ 
          
ข้อดีของวิธีการนี้คือ น้ำหนักจะลดลงไป 2 - 3 กิโลภายในหนึ่งอาทิตย์ แถมยังช่วยล้างสารพิษที่หมักหมมในร่างกายอย่างได้ผลด้วย และข้อเสียก็คือ ทำยากมากถึงมากที่สุด และสาว จะมีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิด เครียดอยู่ตลอดเวลา 

           
ที่สำคัญคือน้ำหนักที่ถูกกำจัดไปนั้นไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นแค่น้ำกับกล้ามเนื้อเท่านั้น เมื่อไรที่คุณตบะแตกกลับไปทานอาหารตามปกติ น้ำหนักที่หายใจก็จะดีดตัวกลับมาใหม่ทันทีค่ะ



                   ขอขอบคุณข้อมูลจาก


  

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

มหัศจรรย์แห่ง "มด"

ไปเจอเรื่องเกี่ยวกับมดในหนังสืออ่านเล่น เล่มหนึ่ง อ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะนำมา share ให้ได้รับรู้เรื่องของมดที่น่ามหัศจรรย์ น่าทึ่ง...

............เรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ของสัตว์น้อยตัวกระจิ๋วที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คิด มดบนโลกนี้มีชีวิตอยู่ สืบพันธุ์มามากกว่าร้อยล้านปี ทุกวันนี้มีมดมากถึง 20,000 สปีชีส์ และหากชั่งน้ำหนักมดทุกตัวบนโลกรวมกัน จะพบว่ามดมีน้ำหนักเท่ากับคนทั้งโลกรวมกันเลยนะ ซึ่งคนหนึ่งคนจะหนักเท่ากับมดประมาณ 12,500,000 ตัว 
  
     ปกติมดหนึ่งตัวหนักเพียง 0.004 กรัม สามารถเดินยกวัตถุที่หนักได้ถึง 5 เท่า โดยใช้กรามของมันซึ่ง แข็งแรงมาก สามารถลากของได้หนักกว่าน้ำหนักตัวมันถึง 25 เท่า(ถ้ามดรวมกันหนัก 100 กิโลกรัม สามารถยกของหนักได้ตั้งแต่ 500-2,500 กิโลกรัม) และพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่งที่เราเคยเห็น คือ เห็นมดจูบปากกัน แต่ความจริงพวกมันกำลังสื่อสารกัน ด้วยหนวดต่างหาก เมื่อเพื่อนมดตัวหนึ่งหิว ก็จะเอาหนวดไปเคาะที่แก้มของมดงานที่ออกหาอาหาร มดงานก็จะปล่อยอาหารที่เก็บไว้ที่กระเพาะหน้าออกมาแบ่งให้เพื่อน ส่วนในกระเพาะหลังเก็บอาหารไว้กินเอง  มดมีกลิ่นพิเศษเฉพาะตัวที่ผลิตขึ้นมาเอง ในทางวิทยาศาสตร์บอกว่ากลิ่นนั้นเป็นสารเคมีของฮอร์โมนชนิดหนึ่งเรียกว่า "ฟีโรโมน"

               ฟีโรโมนเป็นสารเคมีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร และบอกทางกัน เมื่อมดตัวหนึ่งพบอาหาร มันจะปล่อยกลิ่นออกมาจากปลายท้อง และระหว่างที่เดินกลับรังก็จะใช้ส่วนท้องแตะทางเดินไปตลอดทาง เพื่อแจ้งข่าวให้เพื่อนมดด้วยกันรู้ถึงแหล่งอาหาร เมื่อมดตัวอื่น ได้กลิ่น ก็จะเดินตามกันเป็นแถวเพื่อกิน และขนอาหารกลับรัง ถ้ายังมีอาหารเหลืออยู่ ในระหว่างขนอาหารกลับ ก็จะปล่อยฟีโรโมนเพิ่มขึ้นเรื่อย แต่ถ้าอาหารหมดแล้ว มดก็จะไม่กลับไปที่แหล่งอาหารนั่นอีก นอกจากนี้ มดยังปล่อยฟีโรโมน เพื่อเตือนภัยกับสมาชิกในกลุ่ม เมื่อได้รับอันตราย มดก็จะปล่อยฟีโรโมนออกมา สมาชิกมดก็จะมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม และมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับผู้บุกรุกทันที


   เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วเวลาเห็นมด จะคิด 2 อย่างคือ
1.   เรื่องความอดทน มดเป็นแบบอย่างแก่เราในเรื่องความอดทน มันตัวเล็กนิดเดียวแต่ความอดทนของมันมหาศาลที่เดียว

2.   มดเป็นสัตว์ที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง ในเรื่องของความขยัน สามัคคี และรู้หน้าที่ของตนเอง

3.   การแบ่งบัน มันไม่เห็นแก่ตัว มันไม่เอาตัวรอดคนเดียว มันเห็นส่วนรวมสำคัญกว่า มันมีความรักสามัคคี

ถ้าสังคมเราเหมือนสังคมมด โลกเราคงสดใสน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยทีเดีย


ant ant ant ant ant ant Ant ant ant ant ant ant 

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ทางเลือกอันชาญฉลาด


          อาจารย์และลูกศิษย์คู่หนึ่งออกเดินทางไปด้วยกัน แล้วจู่ๆ ก็มีหินใหญ่ก้อนหนึ่งขวางเส้นทางด้านหน้าเอาไว้ ฝ่ายลูกศิกษ์ยืนอยู่หน้าก้อนหินแล้วขมวดคิ้วแน่น เขาเอ่ยกับผู้เป็นอาจารย์ด้วยสีหน้ากังวล "อาจารย์ครับ หินก้อนนี้ขวางทางเอาไว้ เราผ่านไปไม่ได้แล้ว จะทำอย่างไรดี"


      
          อาจารย์ว่า " ผ่านไม่ได้ก็ช่างเถอะ เราอ้อมไปก็แล้วกัน"

                 ทว่าลูกศิษย์กลับตอบว่า "ไม่ขอรับ กระผมไม่อยากเดินอ้อม กระผมจะเดินข้ามก้อนหินนี้ไป!"

                 อาจารย์ "เจ้าทำได้หรือ" 

                 ลูกศิษย์ "กระผมรู้ว่ายาก ทว่ากระผมก็อยากจะเอาชนะ ความยากลำบาก เอาชนะมันให้ได้!"

                 ดังนั้นลูกศิษย์จึงทดลองหลายต่อหลายครั้งด้วยความยากลำบาก ทว่าเขาก็พ่ายแพ้เสียทุกคราไป

                 แล้วลูกศิษย์ก็เอ่ยขึ้นด้วยความทรมานว่า "แม้แต่หินก้อนเดียว กระผมก็ยังเอาชนะไม่ได้ และจะบรรลุอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน"

                  อาจารย์จึงกล่าวว่า "เจ้าดังดันเกินไป เจ้าต้องรู้ว่า บางครั้งการดึงดัน ก็ไม่สู้ปล่อยวาง"
          
       
                ...ยามที่เราพยายามทำเรื่องหนึ่งๆ แต่มักจะไม่ประสบความสำเร็จ ก็ลองเรียนรู้ที่จะปล่อยวางสักหน่อย ในหลายๆ คราความดึงดันไม่อาจจะสร้างความสำเร็จได้เสมอไป  ลองเปลี่ยนเป็นอีกวิธีการหนึ่งก็อาจจะนำปัจจัยความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มาสู่เราได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถลดความเจ็บปวดและผิดหวัง ทำให้ชีวิตเราเบิกบานขึ้น


........

เมื่อได้ผลผลิต

สุขใจแค่ไหนเมื่อเห็นผลที่ได้จากการลงมือทำ  สวัสดีค่ะ วันนี้นะคะจะมาบอกเล่าถึง ความสุขที่ได้ลงมือทำ อย่างเช่นครั้งนี้เช่นกัน สุขใจจริงๆค่ะ ที...